อาสนะเชิญเทพเทวดา : ข้าวอักษัต 9 สี รังโกลีย่อส่วน ถวายพระพิฆเนศ และเทพฮินดูทุกพระองค์
ข้าวย้อมสีที่ใช้ในการถวายพระพิฆเนศ และบูชาเทพเจ้าฮินดูทุกพระองค์นั้น เรียกว่า "อักษัต" แต่เดิมย้อมด้วยสีในธรรมชาติ เช่นผงขมิ้น พริกเผา ฯลฯ มักจะผสมกับกำคุมและผงสีอื่นๆ แล้วใช้ประกอบในพิธีกรรมของฮินดู ข้าวอักษัต เชื่อกันว่า มีคุณสมบัติดึงดูดพลังจากเทพสำคัญห้าพระองค์องค์ ได้แก่ พระแม่ทุรคา(พระแม่อุมาเทวี) พระศิวะ พระพิฆเนศ พระกฤษณะ และพระราม
Akshat ในภาษาสันสกฤตหมายถึง "สิ่งที่ไม่สามารถทำลายได้" และหมายถึงเมล็ดข้าวที่ไม่ขาดสี สีของเมล็ดข้าวมีอานุภาพดึงดูดกระแสพลังของเทพแต่ละพระองค์ แทนสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์ เป็นเครื่องบูชาที่ดีที่สุดสำหรับพิธีกรรม ซึ่งส่งผลให้ได้รับความมั่งคั่งความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรือง
เชื่อกันว่าสามารถทดแทนสิ่งของที่ไม่มีในพิธีกรรมบูชาแบบดั้งเดิมได้ บางครั้งใช้แทนเครื่องบูชาอย่างย่อ ใช้ถวายแทนดอกไม้
แต่เดิมนั้น ข้าวอักษัตทำอยู่เพียง2สี คือ เหลือง กับแดง แต่ในปัจจุบันมีการย้อมอีกหลายสีตามวัตถุดิบในท้องถิ่น ในวัฒนธรรมฮินดูมีวัตถุประสงค์ในการย้อมสีไว้ใช้ทำ “รังโกลี” เป็นการเรียงวัสดุสีบนพื้นหรือบนโต๊ะให้เป็นภาพหรือรูปร่างต่างๆ เพื่ออัญเชิญเทพมาสู่บ้านเรือนรับความเป็นสิริมงคล และขจัดโชคร้าย
ข้าวอักษัต 9 สี กับศิลปะ รังโกลี ใช้สำหรับประกอบพิธีบูชาพระพิฆเนศ และเทพฮินดูทุกพระองค์
อินเดียเป็นดินแดนแห่งเทศกาลและทุกเทศกาลมีสิ่งตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราสามารถเห็นรูปแบบจัดวางวัตถุสีต่างๆได้ทุกที่ ทั่วอนุทวีปอินเดีย นั่นคือ รังโกลี ซึ่งมีการสร้างลวดลายบนพื้นหรือบนพื้นโดยใช้วัสดุต่างๆ เช่น ข้าวสี แป้งแห้ง ทรายสี กลีบดอกไม้ หินปูนผง สีเหลืองสด แป้งข้าวเจ้าแห้ง ทรายสี ผงควอตซ์ เป็นต้น มักทำในช่วงเทศกาลดิวาลีและเทศกาลฮินดูอื่นๆ ในอนุทวีปอินเดีย
การทำรังโกลี เป็นธรรมเนียมปฏิบัติในชีวิตประจำวันของชาวฮินดู รังโกลี มีชื่อเรียกแตกต่างกันตามรัฐและวัฒนธรรม แต่มีความสำคัญสำหรับชีวิตประจำวันของชาวฮินดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอดีต เมื่อมีการปูพื้นของบ้านเรือน พวกเขามักจะทำนอกธรณีประตูทางเข้าบ้านในตอนเช้า หลังจากทำความสะอาดพื้น โดยมีประเพณีการจัดอิริยาบทท่าทางในระหว่างการสร้างรังโกลี เป็นการจัดระเบียบร่างกายสำหรับผู้หญิง เพื่อการยืดกระดูกสันหลัง
รังโกลีเป็นตัวแทนของความสุข พลังงานบวก และความมีชีวิตชีวาของครอบครัว และมีจุดมุ่งหมายเพื่อต้อนรับพระแม่ลักษมี เทพีแห่งความมั่งคั่งและโชคดี เชื่อกันว่าครัวเรือนของชาวฮินดูที่ไม่มีทางเข้าที่สะอาดและรังโกลี จะเป็นที่พำนักของดาริดา (โชคร้าย)
จุดประสงค์ของรังโกลีที่นอกเหนือการตกแต่งแล้วนั้น วัตถุดิบที่เป็นหินปูนสามารถป้องกันแมลงไม่ให้เข้าไปในบ้านได้ และผงจากธัญพืชจะล่อแมลงและป้องกันไม่ให้แมลงเข้าบ้าน การออกแบบอาจแตกต่างกันไปตามประเพณีในแต่ละพื้นที่ ซึ่งโดยมากแล้วมักนิยมสร้างขึ้นโดยเด็กหญิงหรือผู้หญิงในครัวเรือนของชาวฮินดู รังโกลี คือพื้นฐานการปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยว่า ต้องใช้เวลาในการสร้างนาน จึงมักปรากฏใช้ในช่วงเทศกาลและงานเฉลิมฉลองที่สำคัญเสียมากกว่า เช่น การเฉลิมฉลองการแต่งงาน และเหตุการณ์สำคัญและงานชุมนุมอื่นๆ เทศกาลที่คล้ายคลึงกัน จึงมักจะพบเห็นในช่วง Diwali หรือ Tihar, Onam, Pongal, Sankranthi และเทศกาลฮินดูอื่น ๆ การออกแบบถูกส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น โดยคงไว้ซึ่งรูปแบบศิลปะและขนบธรรมเนียมประเพณี เรายังสามารถพบเห็นการตกแต่งเหล่านี้ในการเฉลิมฉลองต่างๆ และถือว่าเป็นการเตรียมพื้นที่ต้อนรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสำหรับเทพเจ้าในศาสนาฮินดู
รังโกลี หมายถึงการตกแต่ง และเชื่อว่าจะนำพาโชคดีมาให้ รูปภาพมักเป็นรูปทรงเรขาคณิต รอยประทับของเทพเจ้า หรือดอกไม้และกลีบดอก บางครั้งงานออกแบบมีความประณีตมากและสร้างขึ้นด้วยความอุตสาหะ โดยใช้ฝีมือคนจำนวนมาก มาร่วมกันสร้าง ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผลงานศิลปะที่น่าทึ่ง ซึ่งมีรายละเอียดและทักษะที่งดงาม
ในการรังสรรค์ประเพณีอันน่าทึ่งนี้ ศิลปินใช้วัสดุหลักเป็นข้าวเม็ดแห้งหรือเปียก หรือแป้งแห้ง เป็นสีจากธรรมชาติ เช่น ชาด ขมิ้นหรือสีธรรมชาติอื่นๆแต่ในปัจจุบันนี้ มีการนำสีที่เกิดจากการผสมทางเคมีเคมีและถือเป็นรูปแบบที่ทันสมัยนำมาผสมร่วมกับวัสดุดั้งเดิม เพื่อนำมาสร้างสรรค์ให้วิจิตรหลากหลายยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี วัตถุดิบจากธรรมชาติ กลีบดอกไม้ ทราย ข้าว ยังคงเป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการสร้าง รังโก ลี ศิลปะรูปแบบนี้ นอกจากยังคงความนิยมในชาวฮินดู เพื่อแสดงความอุดมสมบูรณ์ ความสุข เพื่อต้อนรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ศิลปะรังโก ลี ได้ถูกนำไปเผยแพร่ใช้ในบริบทที่หลากหลายขึ้น มีรูปแบบที่หลากหลายตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ถูกถ่ายทอดไปสู่พื้นที่สาธารณะอย่างกว้างขวาง หรือใช้ตกแต่งในเชิงพาณิชย์ในสถานที่ต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน พื้นที่ชุมชน แลนด์มาร์คสำคัญ เทศกาลศิลปะ ฯลฯ
รังโก ลี ให้ความรู้สึกในเชิงบวก พลังงานที่ดี ความงาม ความรู้สึกยินดี การต้อนรับ ความเป็นมิตร จึงเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แสดงพลังงานเชิงบวก ที่มีความเป็นสากลในที่สุดเราสามารถนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาประยุกต์ จัดเรียงเพื่อความสวยงาม แสดงทัศนะคติในเชิงบวก สร้างแรงดึงดูดที่ดี ต้อนรับคลื่นพลังจากสิ่งที่อยู่นอกเหนือการสัมผัสรับรู้ของตัวเรา หรือที่นิยามว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้า ความเป็นสิริมงคล